วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

แต่งหน้าบนรถ ตามฉบับสาวตื่นสาย

How to แต่งหน้าบนรถ ตามฉบับสาวตื่นสาย ในช่วงเวลาเร่งด่วน


 How to  เคยเป็นไหมตื่นสายจนไม่มีเวลาแต่งหน้า แต่ถ้าไม่แต่งหน้าก็คงดูไม่ได้แน่นอนเลย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องแต่งหน้าบนรถกันไปเลยนิแหล่ะดีที่สุด แต่จะต้องใช้เวลาในการที่รถติดแต่งเท่านั้นเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถหรือถึงที่ทำงานแล้วจะนั่งแต่งบนรถก่อนก็ได้ เพราะเชื่อว่าคุณคงไม่อยากให้ใครเห็นคุณสภาพหน้าสดแน่ ๆ ดังนั้นเราจึงมีเทคนิคการแต่งหน้าบนรถฉบับสาวออฟฟิศมาฝากกัน ซึ่งจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

เครื่องสำอาง
สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือห้ามลืมเครื่องสำอางขึ้นไปบนรถด้วย เป็นไปได้เครื่องสำอางควรมีกระเป๋าใส่และยกขึ้นรถได้เลย หรือจะแยกระหว่างรถ กับบ้านก็ได้เพื่อความชัวร์หากวันใดลืมขึ้นมาจะได้มีติดตัวไว้บนรถอยู่แล้ว

งานผิวต้องมาก
หลังจากขึ้นมาบนรถแล้ว งานผิวต้องมาเป็นอันดับแรกเลย คือการลงครีมรองพื้น หรือแป้งเพื่อเตรียมผิวของคุณให้ดี และสิ่งที่คุณจะลืมไม่ได้เลยคือต้องใช้แป้งที่แห้งไว้ด้วย เพราะคุณไม่มีเวลามีนั่งแต่งหน้าได้หน้าขนาดนั้น หากนานมีหวังเข้าไม่ทันออฟฟิศอย่างแน่นอน

งานเขียนคิ้ว
งานี้จะขาดไม่ได้เลย อย่างที่ทราบกันคิ้วมงกุฎของหน้า ดังนั้นมือต้องแน่นและคิ้วเขียนให้สวยเท่าที่จะทำได้ แต่อย่าเผลอเขียนเกินออก มาเด็ดขาดไม่งั้นจะต้องวุ่นวายลบออกอีกแน่ แต่ถ้าให้ดีต้องเริ่มจากการเขียนเค้าโครงร่างคิ้วขึ้นมาก่อนแล้วค่อยไล่สีตามระดับ ซึ่งแบบนี้จะช่วยให้เร็วมากขึ้น

ตา และมาสคาร่า
ตา และมาสคาร่าเป็นของคู่กันอยู่แล้ว หลังจากเขียนคิ้วเสร็จคุณควรจะทำการทาตานิดหน่อยแล้วลงมาสคาร่าได้เลย หรืออยากจะเพิ่มให้ตาดูโตหน่อยก็อย่าลืมใส่บิ๊กอายเข้าไปด้วย เพื่อเพิ่มให้ดวงตาดูสวยแล้วเข้ากับสีของตาและมาสคาร่าอีกด้วย

แก้ม
จากนั้นปัดแดงให้ดูอมชมพูกันสักหน่อย เพื่อไม่ให้หน้าของคุณดูจืดจนเกินไป ซึ่งเวลาในการปัดแก้มก็คงไม่เยอะมากเท่าไหร่ ดังนั้นก็ปัดบาง ๆ นิดหน่อยก็พอ

งานปาก
ถือว่าเป็นงานสุดท้ายสำหรับการแต่งหน้าบนรถ ถ้าจะให้หน้าดุเด่นขึ้นมาต้องทาปาด้วย แต่ต้องเลือกสีที่เข้าไปลุคการแต่หน้าวันนี้ด้วยละ หากทาเสร็จแล้วก็เป็นอันเสร็จ จากนั้นก็ลงจากรถไปทำงานเก๋ ๆ ตามสไตล์ของคุณได้เลย


10 ทรงแว่น ใส่แล้วไม่ป้า

10 ทรงแว่น ใส่แล้วไม่ป้า สำหรับสาวๆ แว่นลุคไหน ใส่แล้วเข้ากับคุณที่สุด



10 ทรงแว่น สำหรับใครที่เป็นสาวแว่นแต่อยากใส่แล้วทำให้ตัวเองดูดีหรือหน้าเด็กขึ้นมาก อาจจะเรียกอีกอย่างว่าแบ๊วก็ได้เลย มารวมกันตรงนี้ เพราะบทความนี้ได้รวบรวมแว่นตาที่ใส่แล้วทำให้คุณกลับมาดูเด็กอีกครั้งอย่างแน่นอน ซึ่งจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
  1. แว่นกลมอันโต ๆ ถือว่าเป็นทรงแว่นที่ยอดฮิตอยากมากสำหรับสาว ๆ เพราะหากคุณได้ใส่ไปแล้วจะแบ๊ว อย่างมากด้วยความที่แว่นตาอันโต ๆ ของคุณจะทำให้คุณดีมีเสน่ห์บวกกับใบหน้าใส ๆ ของคุณรับรองว่าหากคุณใสไปแล้วจะเป็นจุดเด่นอย่าแน่นอน
  • แว่นวงกลมแบบปลายเรียว ถือว่าเป็นแว่นอีกทรงที่สร้างความน่ารักเหมือนสาวเกาหลีอย่างมาก ซึ่งความกลมของแว่นพร้อมกับปลายเรียวจะช่วยดึงดูดให้น่าของคุณมีความน่ารักสดใสอยากมาก
  • แว่นกรอบบาง ๆ แว่นกรอบบาง ๆ ทรงนี้จะทำให้ลักษณะของคุณดูเป็นสดใสน่ารัก ด้วยลักษณะที่มีกรอบบาง ๆ จะทำให้คุณไม่ดูเนิร์ดจนเกินไป ซึ่งเหมาะกับสาว ๆ หน้ารูปทรงไข่อยากมาก
  • แว่นกลมอันปานกลางสีดำ ทรงแว่นแบบนี้จะทำให้คุณดูเหมือนการ์ตูนแบ๊ว ๆ ไปเลย ด้วยแว่นที่มีวงกลมพอดีจะเข้ากับใบหน้าของคุณออยากมากยิ่งเป็นทรงแว่นสีดำยิ่งเพิ่มความละมุนอย่างมาก รับรองว่าแว่นนี้เด็ดสุดสำหรับสาว ๆ สายแบ๊วการ์ตูน
  • แว่นกรอบสีเงิน เหมาะสมหรับคนประเภทผิว 2 สี ด้วยความที่แว่นกรอบสีเงินจะมาตัดกับสีผิวของคุณจะทำให้คุณนั้นดูน่ารักขึ้นมาทันทีบวกกับจัดทรงผมนิดหน่อยจะทำให้คุณแบ๊ว อย่างมากกันเลยทีเดียว
  • แว่นสี่เหลี่ยมอันใหญ่ เหมาะมากสำหรับสาบแบ๊ว เพราะแว่นสี่เหลี่ยมนี้จะทำให้คุณมีสันจมูกที่บอกแล้วเด่น แถมทำให้คุณดูน่ารักอีกด้วย แต่ต้องจัดทรงผมและแต่งหน้าสไตล์สายส้มกันหน่อยเพิ่มความสดใสเข้าไปในตัว
  • แว่นตากลมแบบแฮร์รี่ กำลังเทรนด์อย่างแรงมากในเกาหลี ด้วยทรงแว่นที่กลม และมีเว้าโค้งตรงจมูกทำให้ใส่เข้าไปจะดูมีเสน่ห์น่ารัก และสดใส่ไม่แพ้กันเลย
  • แว่นกรอบหนาสีดำ เหมาะกับสาวฝรั่งอยากมาก เพราะสาวฝรั่งมีผิวที่ขาวพอใส่แว่นตัวนี้เข้าไปจะทำให้หน้าดูละมุนและแบ๊วยากมาก ถือว่าเหมาะสุด ๆ กับสาวประเภทนี้
  • แว่นกรอบหนาสีขาว เหมาะกับสาวลุคโทนแต่งหน้าบางแต่ตาโตอย่างมาก ซึ่งความตาโตและบวกกับการใส่แบบทรงลักษณะแบบนี้จะทำให้คุณดูเหมือนเด็กอีกครั้งและดูสดใสน่ารักที่สุด
  1. แว่นเหลี่ยม แว่นเหลี่ยมนั้นจะมีลักษณะกรอบแว่นบางและเหลี่ยมไปทุกมุม ซึ่งลักษณะแบบนี้เหมาะกับสาวหน้ายาวซึ่งหากได้ใส่จะทำให้เข้ากับใบหน้าของคุณ จะเพิ่มความแบ๊วได้หลายระดับอีกด้วย
เป็นอย่างไรบ้างกับการเลือกแว่นที่มีหลายแบบเหมาะกับสาว ๆ ต่างกันไป ซึ่งหากได้ใส่ไปแล้วรับรองว่าทุกคนจะดูแบ๊วน่ารักสดใส แต่ถ้าให้ดีจะต้องแต่งหน้าให้เข้ากับลุคที่เลือกอีกด้วย เชื่อวิว่าได้หลายผ่านเข้าตาใครหลายคนเลยที่เดียว
บทความเกี่ยวกับ แฟชั่นมาแรงแห่งปี รีวิว24

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

น้ำดื่ม ที่มีคอลลาเจน ในเซเว่นสวยครบที่เดียว


จัดอันดับ น้ำดื่ม ที่มีคอลลาเจน ในเซเว่นสวยครบจบด้วยงบไม่เกินหลักร้อย


น้ำดื่มคอลลาเจน หากพูดถึงไอเทมเจ๋ง ๆ ของเซเว่นนั้นที่ขาดไม่ได้เลย คือน้ำดื่ม หรือเครื่องดื่มที่มีคอลลาเจน ซึ่งหากได้ดื่มกันแล้วจะทำให้คุณนั้นมีผิวที่ขาวสวย ปิ๊ง อย่างแน่นอน ด้วยงบไม่เกินหลักร้อย โดยวันนี้ได้รวบรวมข้อมูล 
น้ำดื่ม ที่มีคอลลาเจน ในเซเว่นมาให้ดูกันว่าจะมีเครื่องดื่มแบบไหนบ้างไปดูกันเลย
  1. BLINK COLLAGEN PEPTIDE
มีคอลลาเจนถึง 2,000 mg. มีรสชาติคล้ายน้ำองุ่นอร่อยรับประทานได้สำหรับทุกวัย โดยจะช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้เพียงของคุณนั้นดูสดใสขึ้นมาทันที ราคาเพียง 23 บาทเท่านั้นเอง
  1. i-Healti Q10 
เป็นเครื่องดื่มที่ผสม Q10 ช่วยต้านสารอนุม๔ลอิสระ ทำให้ผิวของคุณดูเด้งกระซับขึ้นมาทันที และไม่ทำให้ข้อเสื่อม หรือเหี่ยวย่นง่ายอีกด้วย ราคาเพียง 25 บาทเท่านั้น
  1. VISTRA MARINE COLLAGEN TRIPEPTIDE 5000 PLUS
เป็นเครื่องดื่มที่มีคอลลาเจนไตรเปปไทด์นำเข้าจากฝรั่งเศส ซึ่งมีคอลลาเจนมากถึง 5,000 mg. และยังมีวิตามินซี ช่วยทำให้ผิวของคุณดูเปล่งประกายสดใสอย่างมากอีกด้วย ราคา 35 บาท
  1. SAPPE BEAUTI JELLY COLLAGEN ประกอบไปด้วยคอลลาเจน 1,000 mg. และมีวิตามินซีกับองุ่น ช่วยทำให้ผิวดูนุ่ม และชุ่มชื่น ราคา 18 บาท
  1. VERENA Nutroxsun
อันนี้คือไว้ชงสำหรับดื่ม จะช่วยเรื่องบำรุงผิวให้ดูแข็งแรงกล้าท้ากับแดดในทุกสถานการณ์ และทำให้ผิวดูกระจ่างใส่เป็นธรรมชาติตลอดทั้งวัน ราคาอาจจะสูงหน่อยเพราะใน 1 กล่องมี 10 ซองเฉลี่ยซองละ 59 บาทเท่านั้น

อัพเดท โปรโมชั่น

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

สูตรเร่งผมยาว ด้วยน้ำมันมะพร้าว

สูตรเร่งผมยาว ด้วยน้ำมันมะพร้าว พร้อมบำรุงผม เงางาม สลวย ทำเองได้ที่บ้าน




สูตรเร่งผมยาว “เร่งผมยาว” สูตรหมักผม ที่จะทำ ให้คุณสาวๆ ได้ลองทำตามกันเองง่ายๆ ที่บ้าน มาค่ะสาวๆที่กำลังเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องผมๆ ผมเสีย ผมแห้ง ผมไม่เงา วันนี้เราแจกวิธีดูแลผมด้วยสูตรธรรมชาติ รับรองว่าได้ผลดีเยี่ยม นอกจากจะช่วยทำให้ผมยาวเร็ว ยาวไว ยาวทันใจเหมือนติดสปีดแล้ว ยังช่วยบำรุงให้ผมสุขภาพดี ดูนุ่มสลวยน่าสัมผัสอีกต่างหาก มามะๆ อย่ามัวรอช้า แล้วตามไปดูพร้อมกันได้เลย
สูตรที่ 1 น้ำมันมะพร้าว + น้ำมะนาว
เริ่มต้นด้วย ของใช้คู่ครัว เข้าครัวไปเช็กดูสิคะว่ามี “น้ำมันมะพร้าว” กับ “น้ำมะนาว” รึเปล่า??? เพราะว่าสูตรหมักผมสูตรที่สองนี้จะใช้ “น้ำมันมะพร้าว” ผสมกับ “น้ำมะนาว” แล้วนำมาหมักผมนั่นเอง โดยสูตรนี้ถือเป็นตัวช่วยขจัดรังแคให้กับคุณสาวๆ ได้ดีมาก แถมยังช่วยทำให้สีผมดูอ่อนลง เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ผมสีอ่อนๆ แบบไม่ต้องย้อมหรือกัดสี แล้วก็ยังเป็นสูตรที่ช่วยเร่งให้ผมยาวเร็วขึ้น แลดูนุ่มสวยแบบสุขภาพดี บอกลาปัญหาผมแห้งเสีย ดูไม่มีน้ำหนัก แบบนี้ก็เตรียมสะบัด ( ผม ) ต่อไม่รอแล้วนะ
DIY สูตรหมักผมเร่งผมยาวเร็วสูตรนี้ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยค่ะ แค่ผสมน้ำมันมะพร้าว 2 ส่วน : น้ำมะนาว 1 ส่วนให้เข้ากัน จากนั้นก็นำมาหมักเส้นผมโดยเน้นนวดเบาๆ บริเวณหนังศีรษะ แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 4 ชั่วโมง หรือจะหมักผมแล้วนอนข้ามคืนตื่นมาอีกทีตอนเช้าเลยก็ได้ หลังจากนั้นก็ให้ล้างออกด้วยน้ำเย็นก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย สูตรนี้สามารถหมักผมเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 ครั้งได้เลย
สูตรที่ 2 น้ำมันมะพร้าว + น้ำมะนาว + โยเกิร์ต + ไข่ไก่
สูตรนี้หมักผมด้วยตัวเองที่บ้าน แล้วอยากจะมิกซ์ส่วนผสมหลายๆ อย่างเพื่อเพิ่มพลังเร่งผมให้ยาวเร็วขึ้นกว่าเดิม ก็ต้องลองทำตามสูตร “น้ำมันมะพร้าว” / “น้ำมะนาว” / “โยเกิร์ต” / “ไข่ไก่” ดูแล้วล่ะ ซึ่งส่วนผสมแต่ละอย่างก็มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงดูแลเส้นผมไม่ซ้ำกัน อย่าง ไข่ไก่ ก็อุดมไปด้วยวิตามินหลากหลายชนิด
ที่ช่วยทำให้เส้นผมนุ่มสลวยเป็นประกาย ส่วน น้ำมันมะพร้าว และ โยเกิร์ต ก็จะเน้นช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม พอหนังศีรษะได้รับการเติมสารอาหารเข้าไป ก็จะช่วยลดปัญหาผมขาดหลุดร่วง ผมแห้งเสีย และเร่งให้เส้นผมยาวเร็วได้แบบเต็มที่ไม่มีสะดุด
DIY สิ่งแรกที่ต้องเตรียม น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนชา, น้ำมะนาว 1 ลูก, โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ½ ถ้วย และไข่ไก่ 1 ฟอง เทส่วนผสมทั้งหมดใส่ถ้วยแล้วผสมให้เข้ากัน ค่อยๆ ชโลมเนื้อมาส์กโดยเริ่มต้นลูบจากหนังศีรษะลงไปจนถึงปลายผม จากนั้นก็ใส่หมวกอาบน้ำหรือโพกผ้าขนหนูทิ้งไว้ 15 – 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า หรือทำความสะอาดด้วยแชมพูที่ใช้เป็นประจำได้เลยค่ะ

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เลือกทานผลไม้อย่างถูกต้อง

How to เลือกทานผลไม้อย่างถูกต้อง สุขภาพดี ยิ่งทานยิ่งสวย




How to สำหรับทุกคน ๆ ที่รักในสุขภาพของตนเอง และเริ่มหันมาดูแลในเรื่องของอาหารการกินกันอย่างจริงจัง เพราะในปัจจุบันนี้ถือเป็นยุคของการหันมาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น เพื่อเรียกความมั่นใจของตนเองกลับมาเลยก็ว่าได้ แต่ละคนก็จะมีเทคนิคและวิธีการในการกำจัดไขมันส่วนเกินที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็เป็นสายสุขภาพที่หลงใหลในการออกกำลังกาย แต่สำหรับคนที่ไม่มีเวลามากพอ ก็เลือกที่จะหันมาปรับเปลี่ยนตัวเองในเรื่องของโภชนาการแทน นั่นก็คือเปลี่ยนวิถีการกินนั่นเอง

หลาย ๆ คนจะต้องเคยได้ยินประโยคที่ว่า “กินผลไม้แล้วไม่อ้วนหรอกสามารถกินเยอะ ๆ ได้” ให้หยุดคิดเช่นนี้โดยทันที เพราะไม่ใช่ว่าการที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้และจะไม่ส่งผลทำให้อ้วน เพราะปริมาณแป้งและน้ำตาลในผลไม้บางชนิดก็มีปริมาณสูงเป็นอย่างมาก จึงไม่ต้องแปลกใจกันไปเลยว่าทำไมหลาย ๆ คนยิ่งทานผลไม้แล้วกลับยิ่งอ้วนขึ้นและมีน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นตามมา หลังจากวันนี้ไปเรามาเลือกกินผลไม้อย่างถูกต้องที่จะไม่ทำให้อ้วนกันดีกว่า
เลือกทานผลไม้ชนิดไหนดี ที่จะทำให้ไม่อ้วนและน้ำหนักไม่เพิ่มขึ้น
  1. ส้ม เป็นผลไม้ที่พบเห็นและหาซื้อได้ง่ายมาก ๆ ในบ้านเรา ส้มถือเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินบี และโฟเลต ซึ่งทีส่วนช่วยในระบบการเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี โดยการรับประทานส้มหนึ่งผลมีแคลอรี่แค่เพียง 85 แคลอรี่เท่านั้น อีกทั้งมีเส้นใยสารอาหารที่ช่วยในเรื่องของการขับถ่ายอีกด้วย
  2. ฝรั่ง อีกหนึ่งผลไม้ยอดนิยมที่หารับประทานได้ง่ายและมีขายเกือบทุกฤดูกาลในบ้านเรา ซึ่งฝั่งหนึ่งลูกมีแคลอรี่เพียง 45 แคลอรี่เท่านั้นเอง ผลไม้ชนิดนี้อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินเค และโพแทสเซียมอย่างมากมาย ซึ่งนอกจากจะช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังช่วยในการควบคุมอัตรการเต้นของหัวใจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
  3.  มะละกอ เป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อเป็นอย่างมากในเรื่องของการขับถ่าย โดยมะละกอนั้นมีจำนวนแคลอรี่แค่เพียง 55 แคลอรี่เท่านั้นเอง เป็นผลไม้ที่เหมาะเป็นอย่างมากที่จะใช้ในการลดน้ำหนัก
  4. กีวี่ เป็นผลไม้รสเปรี้ยวที่ประกอบไปด้วยโพแทสเซียม วิตามินซี วิตามินอี และอุดมไปด้วยไปด้วยไฟเบอร์เป็นจำนวนมาก ช่วยในเรื่องดูดซึมสารอาหารได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย หากใครที่ชื่นชอบผลไม่รสเปรี้ยวอมหวานและไม่ทำให้อ้วน กีวี่ถือเป็นผลไม้ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้เป็นอย่างดี
  5. แตงโม เป็นผลไม้ที่เมื่อไหร่ที่รับประทานก็จะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที ในแตงโมประกอบไปด้วยวิตามินซีและคุณประโยชน์ต่าง ๆ อีกมากมาย ถือเป็นผลไม้ที่นอกจากจะให้ความสดชื่นได้เป็นอย่างดีแล้วยังไม่ทำให้อ้วนขึ้นอีกด้วย
อัพเดท โปรโมชั่น

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

แนะนำวิธีใส่แมส ใส่อย่างไรไม่ให้เกิดสิว

แนะนำวิธีใส่แมส ใส่อย่างไรลดการเกิดสิว วิธีการดูแลผิวหน้า



แมส ใส่ทำอย่างไรดี ถ้าต้องใส่แมสทุกวันในช่วงยุคโควิดแบบนี้ ยิ่งใส่นานวันเท่าไหร่สิวก็ยิ่งเห่อขึ้นมากเท่านั้น แล้วเกิดอาการแพ้แมส อย่างรุนแรงแต่ก็ไม่สามารถหลุดออก มาได้ในระหว่างวันที่ต้องออกไปทำงาน หรือไปสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งวันนี้เรามีวิธีการดูแลเบื้องต้นที่คุณเองพอจะแก้ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้เองได้ โดยวิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
  1. เลือกแมสที่พอดีกับใบหน้า
การเลือกแมสที่พอดีกับใบหน้าของคุณนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะจะช่วยให้หน้าของคุณนั้นถูกแมสปิดพอดี หากคุณเลือกแมสที่ใหญ่ไปจะทำให้ปกปิดไม่พอดีและอากาศหรือเชื้อโรคต่าง ๆ มีทางเข้าไปได้ง่ายมากขึ้น และยังคงสร้างสิ่งสกปรกได้มากขึ้นตามจำนวนพื้นที่ของแมสอีกด้วย
  1. เปลี่ยนระยะเวลาตามการใช้งาน
หากคุณต้องใช้แมสทุกวันคุณจะมีซื้อสะสมไว้เยอะ ๆ ยิ่งต้องใส่แมสทั้งวันแนะนำให้ทำการเปลี่ยนในทุก ๆ วันจะดีที่สุด และไม่ต้องนำกลับมาใช้ใหม่ เพราะหากคุณยิ่งใช้ซ้ำจะทำให้เกิดการแพ้ได้งานและเกิดสิวขึ้นอย่างแน่นอน คงไม่อยากให้เป็นแบบนั้นใช้ไหม
  1. รักษาความสะอาดแมส
ถึงแม้จะใช้แมสทั้งวัน แต่ก็ต้องมีช่วงเวลาที่ต้องถอนออกรับประทานอาหารกันบ้าง ซึ่งช่วงนั้นแนะนำให้ถอดแมสเก็บไว้ในถุงที่มิดชิด หรือมีซิปจะดีที่สุด ดีกว่าไปห้อย หรือไปน้อยตามสถานที่ต่าง ๆ โดยที่ตรงนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่ทราบ ดังนั้นควรจะทำตามที่แนะนำจะดีที่สุด
  1. ล้างหน้าทุกครั้ง
หลังจากกลับมาถึงบ้าน คุณควรจะถอดแมสทันที และทำการล้างหน้าออกให้สะอาดโดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดการไม่แพ้ หรือระคายเคือง เพียงเท่านี้ผิวหน้าของคุณก็จะไม่เกิดสิวขึ้นอย่างแน่นอน
  1. การแต่งหน้า
อย่างที่ทราบว่าคุณต้องใส่แมสทั้งทั้งวันอยู่แล้ว จะไม่มีใครเห็นหน้าสดของคุณอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากไม่มีความมั่นใจคุณสามารถแต่งเพียงท่อนบน หรือทั้งหมดแต่บาง ๆ ก็ได้ เพราะการที่คุณแต่งหน้าเหมือนปกติทั่วไปในแต่ละวันนั้น พอมาเจอแมสจะเกิดการอับและระบายอากาศไม่ดีสักเท่าไหร่ ซึ่งก่อให้เกิดการแพ้และสิวขึ้นอีกด้วย ดังนั้นทน ๆ ไปก่อนจะดีที่สุด เพราะหากอย่างไรที่ไม่ได้ใช้แมสแล้วค่อยกลับมาแต่งหน้าก็ยัคงสวยเป๊ะไม่มีสิวอีกแน่นอน
เป็นอย่างไรบ้างกับ แมส ใส่อย่างไรให้ถูกวิธีและป้องกันสิวสาเหตุเกิดจากแพ้แมส ซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูลการป้องกันเบื้องต้นไวในบทความนี้ โดยคุณสามารถไปปรับใช้และปฏิบัติตามดูได้ รับรองว่าน่าของคุณจะไม่เกิดการแพ้จนทำให้เกิดสิวอย่างแน่นอน

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563

How to การลงสกินแคร์ ฉบับสาวเกาหลี

How to การลงสกินแคร์ ให้ผิวหน้าฉ่ำเด้ง ฉบับสาวเกาหลี

การลงสกินแคร์นั้น เป็นขั้นตอนแรกๆของงานผิว สาวๆควรใส่ใจขั้นตอนนี้เป็นพิเศษนะคะการแต่งหน้าถือเป็นกิจวัตรประจำวันที่สำคัญเป็นอย่างมาก สำหรับผู้หญิงทุก ๆ คนเพราะนอกจากจะเพิ่มความสวยงาม ดูดี ให้กับตนเองนั้น ยังเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเองอีกด้วย ถึงจะแต่งหน้าเท่าไหร่ก็ยังรู้สึกไม่ได้ดั่งใจตามที่สาว ๆ ต้องการสักที เพราะเมื่อไหร่ที่พบเห็นการแต่งหน้าของสาว ๆ เกาหลีนั้น จะต้องเกิดคำถามในหัวขึ้นทุกทีว่าจะต้องแต่งอย่างไรกันถึงจะสามารถทำให้ผิวหน้าดูฉ่ำวาวและดูอิ่มน้ำได้แบบนั้น ทั้ง ๆ ที่เหมือนว่าจะไม่ค่อยได้แต่งอะไรมากสักเท่าไหร่ เราลองมาดูวิธีการลงสกินแคร์กันแบบง่าย ๆ สไตล์สาวเกาหลีกันดีกว่า
สาว ๆ เกาหลีมักจะให้ความสนใจในเรื่องของการบำรุงผิวหน้าเป็นอย่างมาก เพราะสาว ๆ เกาหลีมักจะไม่นิยมกับการแต่งหน้าที่หนาจนเกินไปแต่จะเน้นเป็นการแต่งหน้าบาง ๆ เพื่อเผยผิวหน้าที่มีสุขภาพดีกันมากกว่า 

วิธีลงสกินแคร์บำรุงผิวหน้า สูตรสาวเกาหลี

  1. ตื่นเช้ามาจำเป็นอย่างมากที่จะทำการล้างหน้าเป็นสิ่งแรก ควรทำการล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีความบางเบาและเหมาะสมกับสภาพผิวหน้าของคุณเพื่อเป็นการบำรุงผิวเป็นขั้นตอนแรกนั่นเอง
  2. ทำการเช็ดด้วย Toner เบา ๆ ให้ทั่วบริเวณใบหน้าเพื่อเป็นการเตรียมผิวของคุณให้พร้อมสำหรับการบำรุงในขั้นตอนต่อ ๆ ไป
  3. สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากและห้ามลืมเป็นอันขาด นั่นก็คือการทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหน้านั้นเกิดความหมองคล้ำจากการโดยแดดเป็นเวลายาวนานในช่วงกลางวัน และอย่าคิดว่าหากวันไหนที่ไม่ค่อยมีแดดหรือแดดร่มนั้นจะไม่ต้องทาครีมกันแดด การคิดเช่นนี้ถือว่าผิดเป็นอย่างมาก เพราะรังสี UV นั้นอยู่รอบ ๆ ตัวของคุณตลอดเวลานั่นเอง
  1. หลังจากกลับมาจากการใช้ชีวิตในตอนกลางวันที่เหน็ดเหนื่อยและยาวนาน ควรที่จะทำการเช็ดหน้าและล้างเครื่องสำอาง ด้วยผลิตภัณฑ์เฉพาะ เพื่อให้คราบต่าง ๆ และสิ่งสกปรกที่ฝั่งลึกนั้นหลุดออกมาได้อย่างหมดจด
  2. ทำการล้างหน้าของคุณให้สะอาดและทำการนวดหน้าในขณะที่ล้างหน้าอย่างเบา ๆ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสามารถซึมเข้าสู่ผิวและทำการชำระล้างสิ่งสกปรกได้อย่างเกลี้ยงเกลา
  3. จากนั้นทำการบำรุงผิวหน้าของคุณอย่างล้ำลึกด้วยการใช้เซรั่มบำรุงผิวหน้า เสมือนเป็นการให้อาหารสุขภาพผิวหน้าอีกทั้งยังช่วยให้ผิวหน้าของคุณนั้นมีความชุ่มชื้นและอิ่มน้ำมากขึ้นอีกด้วย
  4. ทำการมาส์กหน้าด้วยผลิตภัณฑ์มาส์กหน้าที่มีการบำรุงเฉพาะจุด ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวหน้าของคุณ การมาส์กหน้านี้จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกตกค้างบริเวณผิวหน้า อีกทั้งยังช่วยเติมน้ำและความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าของคุณอีกด้วย

5 สไตล์ การแต่งห้องนอน

5 สไตล์ การแต่งห้องนอน ให้ดูผ่อนคลายในแบบ Minimal


5 สไตล์ ห้องนอน ถือเป็นสถานที่ที่เราจะใช้พักผ่อนจากความเหนื่อยล้าหรืออาจเรียกได้ว่าเป็นเซฟโซน   ของเราเลยก็ได้ ดังนั้นแล้วการตกแต่งห้องนอนให้สวยงาม สบายตา ก็จะยิ่งช่วยเอื้อให้การนอนของเรา  สบายยิ่งขึ้น วันนี้เราจึงอยากมาแบ่งปัน 5 สไตล์การแต่งห้องนอนให้ดูกิ๊บเก๋ได้ง่าย ๆ ไว้ให้ทุกคนได้นำไป แต่งห้องนอนของตัวเองกันด้วย
1) สไตล์มินิมอล (Minimal)
สำหรับคนที่เริ่มต้นอยากแต่งห้อง มินิมอลสไตล์นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ง่ายดายและสบายตามาก ๆ เพียงแค่เราทำให้ห้องนอนของเราโล่งให้มากที่สุด ตกแต่งห้องด้วยโทนสีขาว ครีม หรือเทา ดำ ให้เป็นโทนสีเดียวไปตลอดทั้งห้องด้วยการเลือก วอลเปเปอร์ที่มีสีไม่ฉูดฉาดมาก ประดับด้วยต้นไม้สีเขียว ยิ่งห้องไหนมีหน้าต่างก็สามารถใช้ผ้าม่านบาง ๆ สีขาว เฟอร์นิเจอร์ในห้องควรใช้เป็นสีขาวล้วน สีดำล้วน หรือไม่ก็ยก   เครื่องไม้มาประดับได้ จำพวกตะกร้าสานด้วยไม้ โต๊ะไม้ เก้าอี้ไม้ อาจแซมตามชั้นวางต่าง ๆ ด้วยหนังสือให้         ดูกิ๊บเก๋มากขึ้น
2) สไตล์วินเทจ (Vintage)
สำหรับใครที่อยากแต่งห้องนอนแนวนี้อาจจะต้องยกเซ็ตเครื่องตกแต่งทั้งหมดให้เป็นลายดอก อาจเริ่มจากการเปลี่ยนผ้าม่านหรือผ้าปูที่นอนไปเป็นลายดอกไม้สีสันสบายตา หรือเลือกใช้วอลเปเปอร์ ลายดอกไม้สีฟ้า เขียวอ่อน ชมพูโทนอบอุ่น มองแล้วสบายตา อาจใช้การเพิ่มชั้นวางหนังสือไม้ดีไซน์เก่า ๆ เก้าอี้เหล็กสักตัว หรือยกเครื่องไม้มาประดับถ้าอยากให้มีความวินเทจมากขึ้น สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือกรอบรูปลวดลายเก่า ๆ  มีกลิ่นอายของความคลาสสิก
3) สไตล์มูจิ (Muji)
เป็นการแต่งห้องนอนที่สุดแสนจะเรียบง่ายสบายตา โทนสีของห้องคือขาว ครีม เขียว น้ำตาล โดยใช้วอลเปเปอร์สีขาว หรือโทนสีที่สว่าง ๆ เก็บห้องให้โล่ง ๆ ตกแต่งด้วยชั้นไม้ กรอบรูปไม้ โคมไฟ  หรือจำพวกเครื่องจักรสานต่าง ๆ แล้วตัดโทนสีเขียวด้วยต้นไม้เก๋ ๆ เป็นลักษณะการแต่งห้องแบบญี่ปุ่น เน้นความโล่งโปร่งสบายเป็นหลัก
4) สไตล์ลอฟท์ (Loft)
สำหรับสไตล์นี้จะเน้นการตกแต่งน้อย ๆ ให้ห้องออกแนวเปลือย ๆ เพื่อสัมผัสถึงความกว้าง ปลอดโปร่ง ดังนั้นของประดับตกแต่งจะเน้นไปทางเครื่องไม้ โทนสีน้ำตาล ขาว เทา ดำ อาจแต่งด้วยวอลเปอร์ตามสีเหล่านี้ หรือวอลเปเปอร์ลายอิฐบล็อก ไม่ต้องแขวนหรือห้อยอะไรบนผนังเลย เพราะย้ำว่าสไตล์นี้ จะตกแต่งให้น้อยที่สุด 
5) สไตล์พาสเทลโทน (Pastel Tone)
เอาใจสาว ๆ ที่ชอบสีสันหวาน ๆ อย่างพาสเทล ให้เลือกวอลเปเปอร์โทนสีชมพู ม่วง ฟ้า เหลืองแบบอ่อน ๆ จาง ๆ รวมถึงผ้าม่านหรือผ้าปูที่นอนก็ต้องดูพาสเทล เป็นการคุมโทนห้อง แล้วตกแต่งภายในด้วยตุ๊กตา ไฟดวงเล็ก ๆ ห้อยบริเวณหัวเตียง กระจกบานใหญ่ โต๊ะเครื่องแป้งน่ารัก ๆ เน้นการคุมโทนสีของทุกอย่าง ในห้องให้หวาน ๆ สบาย ๆ  

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เลือกทรงผม ตามรูปหน้า

เลือกทรงผม ตามรูปหน้า ตัดแล้วปัง ! ตั้งแต่เดินออกจากร้าน !!



อยากตัดผมแต่ไม่รู้จะตัดทรงไหนแล้วเข้ากับใบหน้าของตัวเอง ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะตัดให้เข้ากับใบหน้าของคุณ ดังนั้นเราจึงมีเคล็ดลับมาบอกต่อเลือกทำทรงไหนถึงจะเข้ากับใบหน้ามากที่สุด ไปดูกันเลยว่าจะทรงไหนบ้างที่จะถูกใจคุณ
  1. รูปหน้าทรงไข่
ต้องบอกเลยว่าอิจฉาอย่างมากสำหรับคนหน้าไข่ เพราะมีใบหน้าที่ยาวสมสัดส่วน หน้าผากว้างคางเล็ก ถือว่าเป็นหน้าที่สาว  ๆ หลายคนใฝ่ฝันกันอย่างมาก 
ทรงผมที่ควรตัดสำหรับรูปหน้าทรงไข่
  • ผมยาวดันลอน
  • ผมประบ่าแสกกลาง
  • ผมบ๊อบสั้นเหมาะสำหรับสาวแซบ
ทรงผมที่ไม่ควรตัดสำหรับสาวรูปหน้าทรงไข่
  • ต้องบอกเลยว่าไม่มีเลย เพราะสามารถตัดได้ทุกทรงผมกันเลยทีเดียวถือว่าดีอย่างมาก
  1. รูปหน้าทรงกลม
ใครบอกว่าหน้ากลม ๆ จะตัดหรือทำทรงไหนไม่สวย หากคิดแบบนั้นคิดผิดแล้วแหล่ะ เพราะต่อให้หน้ากมแต่ก็มีทรงที่เหมาะกับสาว ๆ ไปประเภทนี้กันอยู่
ทรงผมที่ควรตัดสำหรับรูปหน้าทรงกลม
  • ผมยาวสไลซ์แบบเก๋ ๆ
  • ผมบ๊อบสั้นแสกกลางแบบชิค ๆ ดูง่าย ๆ แถมทำให้หน้าเด็ก
  • ผมยาวปัดหน้าม้าข้างแบบสาวหวานเรียบร้อย
ทรงผมที่ไม่ควรตัดสำหรับสาวรูปหน้าทรงกลม
  • ผมหน้าม้าตรงลงหน้าเพราะจะทำให้แก้มของคุณดูเด่นจนเกินไป
  1. รูปหน้าทรงยาว
รูปหน้าทรงยาวก็เป็นอีกทรงที่ทำผมยาวแบบไหนก็สวยแต่ห้ามยาวจนเกินไป เพราะความยาวของใบหน้าจะทำให้คุณดูเก๋มีสไตล์ในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งหากมองภาพรวมถึงว่าโอเคอย่างมาก
ทรงผมที่ควรตัดสำหรับรูปหน้าทรงยาว
  • ผมยาวประบ่ามีหน้าม้าจะเลิศอย่างแน่นอน
  • ผมยาวดัดลอนเพิ่มลุคเก๋ ๆ
  • ผมยาวประบ่าม้วนลอน
ทรงผมที่ไม่ควรตัดสำหรับสาวรูปหน้าทรงยาว
  • ไว้ผมยาวตรงมากกว่าจนเกินไป หรือห้ามสั้นมากเกินไปเพราะจะทำให้เห็นเค้าโครงหน้าของคุณได้ชัดเจน

วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ทริคเลือกทรงคิ้ว ให้เข้ากับรูปหน้า

ทริคเลือกทรงคิ้ว ให้เข้ากับรูปหน้า เสริมโหงวเฮ้ง สร้างความมั่นใจ





ทริคเลือกทรงคิ้ว ในทางศาสตร์โหงวเฮ้ง บอกว่าคิ้วเหมือนมงกุฎบนหน้า เหมือนหลังคาบ้าน สามารถบอกถึงเรื่องราวในชีวิตได้มากมาย การมีคิ้วที่ดีเสริมหลักโหงวเฮ้งจะทำให้ชีวิตรุ่งเรือง ดังนั้น การเขียนคิ้ว หรือการสักคิ้วถาวรไปเลยสำหรับคนที่ขี้เกียจจะต้องมานั่งเขียนทุกวันจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย ไม่ใช่เฉพาะแค่คุณผู้หญิงเท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับคิ้วและการเขียนคิ้ว คุณผู้ชายก็ไม่น้อยหน้า เพราะลักษณะคิ้วที่ดีย่อมส่งเสริมโหงวเฮ้งที่ดี โหงวเฮ้งที่ดีย่อมส่งเสริมชีวิตให้เจริญรุ่งเรือง ผู้ชายสมัยนี้ก็สักคิ้วถาวรกันไม่น้อยเลยทีเดียว การเลือกทรงคิ้ว เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับสาวๆ ทั้งสายแฟชั่น สายเมคอัพ ห้ามลืมเชียวนะคะว่า คิ้วคือมงกุฏของใบหน้า 
มาเลือกทรงให้เหมาะกับรูปหน้ากันค่ะ 
            1. รูปหน้าทรงไข่
            หน้าทรงไข่ จะมีลักษณะรูปหน้ามีความยาวที่ได้สัดส่วนพอดี ส่วนของหน้าผากจะกว้างและค่อยโค้งลดขนาดลงมาจนถึงคางเล็กน้อย ทำให้ในส่วนของช่วงกรามไม่มีความชัดเขน 
            หน้าทรงไข่เหมาะกับการเขียนคิ้วที่เป็นทรงคิ้วแบบตรงโดยลากยาวไปจนถึงช่วงกลางดวงตา แล้วจากนั้นให้ปลายคิ้วโก่งขึ้นเล็กน้อยให้พอดีและสอดรับกับใบหน้า ทรงคิ้วแบบนี้เรียกว่า S-Shape 
            2. รูปหน้าทรงกลม
            หน้าทรงกลม จะมีลักษณะหน้าผากกว้างโค้งมนได้รูป รับกับช่วงแก้มที่มีความอวบอิ่ม มีส่วนกว้างและยาวของใบหน้าเกือบเท่ากัน
            หน้าทรงกลมเหมาะกับการเขียนคิ้วที่ชัดเจน เขียนเป็นเส้นตรงขึ้นไปตามคิ้วจนถึงจุดสูงสุดของคิ้วแล้วหักมุมแบบชัดเจนได้เลย ทรงคิ้วแบบนี้เรียกว่าHard Angled
3. รูปหน้าทรงเหลี่ยม 
            หน้าทรงเหลี่ยม จะมีลักษณะโครงหน้าคมและชัดเจน ช่วงหน้าผากจะกว้างและมีขนาดเท่าๆ กับช่วงกราม ทำให้ใบหน้าผู้กว้างสอดรับกับความยาวของหน้าพอดี
            หน้าทรงเหลี่ยมเหมาะกับการเขียนคิ้วแบบโค้งเล็กน้อย หางคิ้วไม่หนามากแต่ดูรวมๆแล้วเป็นทรงชัดเจน ทรงคิ้วแบบนี้เรียกว่า Soft Angled
4. รูปหน้าทรงหัวใจ 
            หน้าทรงหัวใจ จะมีลักษณะหน้าผากกว้าง และคางเรียวแหลมโดยไล่ระดับจากหน้าผากไล่ลงมาจนถึงช่วงคาง ความกว้างช่วงใบหน้าจะมากกว่าช่วงคาง
            หน้าทรงหัวใจเหมาะกับการเขียนคิ้วแบบโค้งไม่มีหักมุมตั้งแต่ช่วงกลางดวงตาไปจนถึงหางคิ้วให้ไล่ระดับเล็กลงไปเรื่อยๆ ทรงคิ้วแบบนี้เรียกว่า Rounded
5. รูปหน้าทรงยาว
            หน้าทรงยาว จะมีลักษณะหน้าผากและช่วงแก้มเท่าๆกัน และใบมีกรอบของขอบหน้าคือช่วงกรามไม่คมชัด มองใบหน้าทรงนี้โดยรวมแล้วจะให้ความรู้สึกว่ามีความยาวของใบหน้ามากกว่าทรงอื่นๆ 
            หน้าทรงยาวเหมาะกับการเขียนคิ้วแบบตรงๆ ไม่หักมุมไล่ระดับลงไปเล็กสุดที่หางคับ การเขียนคิ้วแบบนี้กำลังเป็นที่นิยมสำหรับสาวเกาหลีด้วย ทรงคิ้วแบบนี้เรียกว่าStraight
            สรุปรู้วิธีเขียนคิ้วตามรูปทรงหน้าแล้ว ก็อย่าลืมพิจารณาใบหน้าตัวเองดีๆ ก่อนพรุ่งนี้จะเขียนคิ้วออกจากบ้านไปทำงานกันนะ

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2563

วิธีเลือกสีคอนแทคเลนส์

วิธีเลือกสีคอนแทคเลนส์ ให้เข้ากับให้เข้ากับ makeup เลือกอย่างไรให้ปัง!



บอกทริค เพราะดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจทำให้ใคร ๆ ก็อยากมีดวงตาคู่สวยไว้ประดับใบหน้ากันทั้งนั้น จึงไม่แปลกที่สาว  ๆ จะยกให้คอนแทคเลนส์กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ไปแล้ว ยิ่งถ้าวันไหนไม่ได้ใส่ถึงจะแต่งหน้า มาสวยแค่ไหนก็เหมือนขาดอะไรไปอยู่ดี เพราะฉะนั้น วันนี้เราจึงได้นำเทคนิคดี ๆ เกี่ยวกับการเลือก สีคอนแทคเลนส์ให้เหมาะกับดวงตาของแต่ละคน เดี๋ยวเรามาดูกันว่าเทคนิคอะไรบ้าง

การเลือกคอนแทคเลนส์จากสีผม
สำหรับวิธีนี้คือการที่เราจะมองหาสีของคอนแทคเลนส์ให้เข้ากับสีผมของเรา เช่น ถ้าเราย้อมผมสีดำ  สีคอนแทคเลนส์ก็อาจจะเด่นไปทางสีดำ สีดำตัดขอบเทา หรือสีน้ำตาล ส่วนใครที่ทำผมสีบลอนด์ทองหรือ สีโทนสว่าง ๆ ก็อาจจะเลือกคอนแทคเลนส์ที่เป็นโทนสีเย็น ๆ เช่น สีฟ้าน้ำทะเล สีฟ้าคราม สีม่วง ซึ่งจะช่วยให้ดูเปล่งประกายกลมกลืนกับสีผม และใครที่ทำผมสีโทนร้อนอย่างแดงมะฮอกกานี สีน้ำตาลแดง หรือสีช็อกโกแลตก็ให้เลือกใส่คอนแทคเลนส์โทนสีน้ำตาล สีเทา หรือดำตัดขอบน้ำตาลอ่อน ๆ ก็จะช่วยเสริมเสน่ห์ให้ดวงตาของเราดูสวยโดดเด่นได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
การเลือกคอนแทคเลนส์จากสีผิว
โดยพื้นฐานของการเลือกสีคอนแทคเลนส์ให้เหมาะกับ คือการเลือกสีที่เมื่อเราใส่แล้วมันจะไม่ดู โดดออกมาจากใบหน้าของเราเพราะไม่อย่างนั้นเวลาใครมองมาก็อาจจะโฟกัสที่ดวงตาเราจนเกินไป ดังนั้น เราต้องรู้ว่าเราเป็นคนที่มีพื้นผิวโทนไหน ผิวขาว ผิวคล้ำ ผิวขาวเหลือง หรือผิวแทน แล้วจึงเลือกสีของ คอนแทคเลนส์ตามสีผิวของเรา เช่น คนผิวขาวเหลืองหรือผิวแทนจะสามารถใส่คอนแทคเลนส์โทนสีน้ำตาลและสีเทาได้จะทำให้ดวงตาดูสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนคนที่ผิวขาวใส่โทนสีเย็นหรือร้อนก็ได้ แต่จะต้องไม่เน้นให้ขอบคอนแทคเลนส์ชัดเกินไปเพราะจะทำให้ตาลอย คนผิวคล้ำให้หนักไปที่สีเทา ดำ น้ำตาล เน้นขอบ ชัด ๆ ให้ดวงตาดูมีมิติ และเซ็กซี่แบบสุด ๆ 

วิธีรักษาลิ้นเป็นฝ่า

  How to วิธีรักษาลิ้นเป็นฝ่า ต้องทำอย่างไร ให้ไกลโรคและปากสะอาด ลิ้นเป็นฝ่า อาการนี้ไม่ใช่โรคติดต่อแต่อย่างใด เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ทั่วๆ ...